‘เต้ มงคลกิตต์’ ไหว้ขอโทษ ‘ลุงหาปลา’ กลางรายการ ก่อนโดนสวนไปคุยกันที่ศาล

‘เต้ มงคลกิตต์’ ไหว้ขอโทษ ‘ลุงหาปลา’ กลางรายการ ก่อนโดนสวนไปคุยกันที่ศาล

ดราม่า เต้ มงคลกิตต์ ทำ ลุงหาปลา โดนสังคมประณาม ล่าสุด ส.ส.คนดัง ยกมือไหว้ขอโทษกลางรายการ แต่ ลุงนิต ยืนกรายเรื่องนี้คุยกันที่ชั้นศาลดีกว่า จากกรณี “ส.ส.เต้” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เผยแพร่คลิปกล้องวงจรปิด อ้างเห็นภาพวัตถุต้องสงสัยพยายามว่ายขึ้นฝั่งก่อนเสียชีวิต ซึ่งวงจรปิดบางช่วงยังเผยให้เห็น เรือหาปลาลำหนึ่งพายเรืออยู่ในบริเวณดังกล่าว กระทั่งต่อมาสังคมวิจารณ์หนักไม่ยอมช่วยเหลือ แม้ภายหลัง ลุงหาปลา เจ้าของเรือในคลิปจะออกมายืนว่า “วัตถุนั้นคือขอนไม้ ไม่ใช่แตงโม” ก็ตาม

จากปมเข้าใจผิดดังกล่าว ส่งผลให้ต่อมา ลุงหาปลา หรือ นายวินิต 

ได้ตั้งทนายเตรียมเอาผิด ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ โดยมี สิระ เจนจาคะ อดีตส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ให้ความช่วยเหลือในด้านกฏหมาย

อย่างไรก็ตามจากเรื่องที่ทำท่าจะยืดเยื้อ ล่าสุด ส.ส.เต้ ได้ออกมายกมือไหว้ขอโทษ ลุงหาปลา หรือ ลุงนิต แล้ว หลังจากเจ้าตัวเดินทางไปให้สัมภาษณ์ในรายการ “คุยทะลุดราม่า” ช่องเวิร์คพอยท์ 23 วันนี้ (25 มี.ค.65) โดยพิธีกรสาว “ปอเปี๊ยะ กาลเวลา” โดยระหว่างที่มีการต่อสายคุยกันสดๆ ในรายการ ทั้ง เต้ และ ลุงหาปลา ก็ได้เคลียร์ใจกัน โดยฝั่งนักการเมืองหนุ่มยันไม่มีเจตนาทำให้ใครเสียหาย

หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ยังได้เอ่ยปากขอโทษและยกมือไหว้ ลุงนิต ยอมรับว่า ผิดพลาดที่ไม่ได้ตรวจสอบหรือสอบถามคลิปดังกล่าวให้ดีเสียก่อน เพราะตอนนั้นข้อมูลมาเร็วจึงนำส่งให้เจ้าพนักงานและนำเสนอโดยด่วน

ขณะที่เมื่อสิ้นเสียงคำกล่าวขอโทษกลางรายการ ลุงนิต กล่าวว่า ถ้าจะคุยเรื่องนี้ขอให้ไปคุยที่ชั้นศาลดีกว่า พร้อมยืนกราน ให้มา ส.ส.เต้ มาคุยกับตนและพูดต่อหน้าสื่อมวลชนด้วย เพราะทำให้ถูกสังคมประณาม ถ้าเป็นลูกผู้ชายจริง นัดมาเลยว่าวันไหน เป็นไปได้ขอเจอที่ สภ.เมืองนนทบุรี พร้อมกับทนาย และคุณสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.

เสร็จจากนั้น เต้ มงคลกิตติ์ ก็ชี้แจงดลับไปในประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า ตนเป็นลูกผู้ชายพอและจะไปเจอคุณลุงพร้อมสื่อมวลชน แต่ให้คุณลุงมาคนเดียว ไม่เอา สิระ มา เพราะผมก็จะไปคนเดียว แต่คุณลุงนิดบอกว่าไม่ยอม เพราะเป็นแค่ประชาชนธรรมดา ไม่สามารถสู้กับคนมีตำแหน่งอย่างเต้ได้ ซึ่งสุดท้ายแล้ว เต้ มงคลกิตติ์ก็ยอม พร้อมฝากบอกลุงนิดด้วยว่า เอาคุณสิระมาก็ได้ แต่ฝากบอกคุณสิระด้วยว่า อย่าหนีผม เหมือนตอนอยู่ในสภาฯ

ช็อก! ‘พิธา’ ติดโควิด รอบสองในเดือนเดียว ชี้โอมิครอนติดซ้ำได้ง่ายกว่าถึง 5 เท่า

พิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล เผยว่า ตน ติดโควิด ซ้ำเป็นรอบสองภายในระยะเวลาเพียงเดือนเดียว หมอชี้โอมิครอนติดซ้ำได้ง่ายกว่าเดลต้าถึง 5 เท่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ประมาณช่วงเดือนที่แล้วติดโควิด ซึ่งคาดว่าติดมาจากลูกสาวได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่าจนติดโควิดรอบสองภายใน 1 เดือน

โดยข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “เรียนพี่น้องประชาชนที่เคารพครับ จากที่ผมได้ชี้แจงกับพี่น้องประชาชนผ่านช่องทางส่วนตัวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ว่าผมและลูกสาวของผมตรวจพบเชื้อโควิดผ่านชุดตรวจ ATK ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เข้าสู่ระบบ HI และกักตัวเป็นเวลา 10 วันหลังจากที่มีอาการ จนหายจากอาการโควิดและตรวจไม่พบเชื้อในสัปดาห์ถัดมา กลับไปทำงานตามปกติและยังตรวจ ATK เป็นประจำทุกวัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานซืนนี้ผมได้มีอาการไม่สบายอีกครั้งหนึ่งและตรวจพบเชื้อโควิดผ่านชุดตรวจ ATK ผลเป็นบวกทั้งๆ ที่ไม่น่าเป็นไปได้ ผมจึงไปตรวจยืนยันผลอีกครั้งโดยการตรวจ PCR ก็พบว่าติดเชื้อโควิดอีกครั้งหนึ่ง โดยมีค่า CT อยู่ที่ 19 ซึ่งแพทย์ระบุว่าหมายถึงปริมาณเชื้อมาก วินิจฉัยว่าเป็นการติดโควิด (reinfection) อีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ซากเชื้อจากการเป็นโควิดครั้งก่อน

การติดโควิดครั้งที่สองของผมสันนิษฐานว่าติดจากช่างภาพที่ร่วมงานกัน (ถือเป็น close contact เดียวที่ติดโควิด)โดยผมติดคนเดียว ลูกสาวของผมไม่ได้ติดด้วยและตอนนี้ลูกอยู่ในความดูแลของคุณแม่แล้วครับ เมื่อผมได้คอนเฟิร์มผลด้วยการตรวจ PCR ว่าเป็นการติดซ้ำครั้งที่ 2 (Reinfection) แน่นอน ผมได้สอบถามแพทย์เรื่องการติดซ้ำของสายพันธุ์โอมิครอน BA1 และ BA2 ได้รับการชี้แจงว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้และในอังกฤษมีผู้ติดโควิดซ้ำถึง 650,000 คน โดยโอมิครอนมีโอกาสติดซ้ำมากกว่าเดลตาถึง 5 เท่า ตอนนี้กำลังมีการส่งต่อผลแล็ปของผมเพื่อตรวจสายพันธุ์ต่อไปครับ

ผมขอใช้โอกาสนี้ขอโทษที่ผมไม่สามารถไปร่วมงาน Nation Dinner Talk ในเย็นวันนี้ได้ และไม่สามารถไปพบปะ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติตามแผนเดิมได้ อย่างไรก็ตามผมก็ขอทำงานในสถานการณ์ที่ต้องกักตัวต่อไป และขอติดตามการบริหารสถานการณ์โควิดและการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพของรัฐบาลต่อไป

ตัวผมในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ติดตามการบริหารสถานการณ์โควิดมาโดยตลอด ขอใช้โอกาสนี้สื่อสารกับทุกท่านครับว่า ในบริบทการเปลี่ยนผ่านของโควิดจากโรคระบาดระดับโลก (Pandemic) เป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) นั้นยังมี 2 ปัจจัยสำคัญที่เรายังจำเป็นต้องติดตามการทำงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราสามารถเปิดเศรษฐกิจได้อย่างสมดุลกับการรักษาความมั่นคงทางสาธารณสุขให้กับพี่น้องประชาชน

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป