ประยุทธ์’ ปลื้มหลัง Forbes จัด ‘อยุธยา’ เป็นเมืองน่าเที่ยวหลังโควิด

ประยุทธ์’ ปลื้มหลัง Forbes จัด ‘อยุธยา’ เป็นเมืองน่าเที่ยวหลังโควิด

รองโฆษกสำนักนายกฯ เผย ประยุทธ์ ปลื้มหลังจากที่ Forbes จัดให้ อยุธยา เป็นหนึ่งใน 50 เมืองน่าเที่ยว ช่วงหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า “Forbes advisor” เว็บไซต์ในเครือนิตยสาร Forbes จัดอันดับให้ อยุธยา เป็น 1 ใน 50 เมืองทั่วโลก ที่ควรเดินทางเยือนภายหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทราบผลการจัดอันดับดังกล่าว 

ขอบคุณที่ทั่วโลกให้ความสำคัญกับสถานที่ที่สวยงามเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ซึ่งเชื่อมั่นว่า ด้วยเอกลักษณ์ของสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยที่หลากหลายและได้รับความนิยมตลอดมา ประกอบกับศักยภาพการบริหารจัดการตามความเหมาะสมของสถานการณ์ และการควบคุมโรคทางสาธารณสุข จะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเดินทางในประเทศไทยอย่างคึกคักในเร็ววันนี้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 50 เมือง ทั่วโลก ที่ควรเดินทางเยือนในช่วงหลังการระบาดของโรคโควิด – 19 และยังเป็น 1 ใน 8 แห่งของทวีปเอเชียที่ได้รับการจัดอันดับเท่านั้น ทั้งนี้ Forbes advisor ได้ยกย่อง อยุธยาว่าเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกในช่วงทศวรรษ 1700 ซึ่งเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ

โดยสามารถไปเช้าเย็นกลับได้ แต่หากมีโอกาสค้างคืนก็จะได้เห็นภาพวัดต่าง ๆ ในช่วงเช้า และช่วงเย็น ที่เงียบสงบ ในส่วนของเมืองอื่นๆ ในเอเชียที่ได้รับการจัดอันดับ ได้แก่ ฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศภูฏาน อัสสัม ประเทศอินเดีย ลอมบก ประเทศอินโดนีเซีย ไทเป ไต้หวัน ประเทศอุซเบกิสถาน และโดฮา ประเทศกาตาร์

นายธนกรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นในการทำงาน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันจัดการดูแล การเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยว ซึ่งจักต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของมาตรการ เพื่อควบคุม ดูแลสถานการณ์ รวมทั้งต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนไทย และนักท่องเที่ยว

อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรี ได้ควบคุม สั่งการ สถานการณ์อย่างต่อเนื่องเพื่อคุ้มครอง ปกป้อง ให้ทุกชีวิตในประเทศดำเนินต่อไป ให้กิจกรรม และธุรกิจการท่องเที่ยวดำเนินได้อย่างปกติ มีรายได้ เกิดการจ้างงาน แต่ขณะเดียวกัน ก็ให้ความปลอดภัยแก่ชีวิตประชาชนด้วย

‘เจริญ คันธวงศ์’ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงวิทย์ฯ เสียชีวิตแล้ว

รองโฆษกรัฐบาลแจ้งข่าวการ เสียชีวิต ของ เจริญ คันธวงศ์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ และอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ หลายสมัย นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า ดร.เจริญ คันธวงศ์ กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงาน ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 89 ปี หลังจากที่ต่อสู้กับโรคมะเร็งมานานหลายปี โดยข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว “คันธวงศ์”

ท่านอาจารย์เจริญ คันธวงศ์ ได้จากพวกเราไปอย่างสงบเมื่อเช้านี้ ใจหายเป็นที่สุด เพราะอาจารย์เป็นเสมือนคุณพ่อในสภา เป็นที่รักและเคารพยิ่งของชาวประชาธิปัตย์และเพื่อน ส.ส.ทุกพรรค

ในช่วงที่ท่านยังเป็น ส.ส. สุขภาพท่านก็ไม่ดีนัก ป่วยเป็นมะเร็งมาอย่างยาวนาน แต่ก็ปฏิบัติหน้าที่นักการเมืองที่ห่วงประชาชน และรับผิดชอบงานสภาไม่เคยขาด ในบางวันที่ต้องไปตรวจสุขภาพ ก็จะรีบกลับมานั่งในสภาเสมอ จนได้รับการยกย่องให้เป็น “คนดีศรีสภา”

นึกถึงวันเก่า ๆ ที่ได้เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานในกรรมาธิการการต่างประเทศ อาจารย์จะสอนสารพัด ทั้งในเรื่องวิชาการ มารยาททางการเมือง การดำรงตนให้เป็นนักการเมืองของประชาชน ยามทานข้าวได้มีโอกาสดูแลท่าน

วันอภิปรายที่ต้องอยู่กันจนดึกดื่น อาจารย์ไม่เคยหนีกลับก่อน ไม่เคยใช้ความอาวุโสเพื่อใช้อภิสิทธิ์

เขียนมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว..น้ำตามันไหล

ด้วยความเคารพรักอาจารย์เจริญเป็นที่สุด ขอให้อาจารย์ไปสู่สุขคติค่ะ”

สำหรับประวัติ ดร.เจริญ คันธวงศ์ นั้น เกิดวันที่ 21 เม.ย. 2476 ที่อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง และ สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายจากโรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยมอันดับ 2) ปริญญาโท ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และปริญญาเอก การบริหารอุดมศึกษา จากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ สหรัฐอเมริกา

ต่อมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ปี 2531) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงาน (ปี 2533) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ปี 2538) และเป็น ส.ส. ในปี 2518, 2519, 2529, 2531, 2535, 2538, 2539, 2544, 2548, 2554 รวมได้รับเลือกตั้งมา 10 สมัย

ดร.เจริญ เป็น ส.ส.กรุงเทพมหานคร ในเขตคลองเตย ยานนาวา และบางคอแหลม มาอย่างยาวนานต่อเนื่องถึง 8 สมัยและในการเลือกตั้งปี 2548 ได้ย้ายไปลงในระบบบัญชีรายชื่อ และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สมัยที่ 9 ในปี 2552 สื่อมวลชนประจำรัฐสภาตั้งฉายาให้ว่า “คนดีศรีสภาฯ” เนื่องจากได้ลงชื่อเข้าร่วมประชุมสภาฯ ถึง 88 ครั้ง จากจำนวน 100 ครั้ง แม้ว่าจะต้องรักษาตัวจากอาการโรคมะเร็ง

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป